ในบ่ายวันหนึ่งของกิจกรรมเรียนทำอาหาร เด็กๆอยากทำกล้วยฉาบกัน โดยใช้วัตถุดิบในสวนบ้านเด็กมาแปรรูป พวกเราทำตามขั้นตอนตามปกติจนเสร็จเรียบร้อย เด็กสาววัย 17 ปี อาสามาช่วยเก็บกวาดทำความสะอาดเครื่องครัว เด็กสาวค่อยๆใช้ผ้าขี้ริ้วเช็ดคราบน้ำมันและคราบสกปรกบริเวณหัวเตาแก๊ส แล้วนำผ้าที่เปื้อนมาซักล้างในอ่าง เพื่อกลับไปเช็ดใหม่ แล้วนำมาซักอีกเพื่อไปเช็ดอีกหลายรอบ

ระหว่างซักผ้าด้วยมือ เด็กสาวพูดว่า

“ชีวิตหนูเหมือนผ้าขี้ริ้วผืนนี้ แต่ก่อนสกปรกมาก ไม่มีดีอะไร ไม่มีใครสนใจเหลียวแล แต่พวกพี่กลับนำมาซักจนสะอาด หนูสงสัยเสมอๆว่าพวกพี่ทำได้ไง ใช้เวลานานมากนะที่หนูจะเป็นแบบนี้ได้ หนูมีที่อยู่ มีอาหารกิน มีโอกาสได้เรียน มีชีวิตที่ดี มีโอกาสได้ทำดีเพื่อผู้อื่น เช่น เป็นพี่เลี้ยงค่ายดูแลน้องๆ และตอนนี้หนูคิดว่าแม้ว่าหนูจะไม่เป็นผ้าที่ขาวสะอาดมากนัก แต่ก็เป็นผ้าที่ดูดีขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะ”

เราจึงถือโอกาสถามความคิดเด็กว่า คิดว่าพี่ๆ เขาใช้อะไรซักหรือทำให้เราดูดีขึ้น ?

เด็กสาวครุ่นคิดและตอบว่า

“ใช้ความรัก ความเข้าใจ การให้อภัยและให้โอกาส”

เราได้ยินแล้วรู้สึกตื้นตันใจเป็นที่สุด และไม่อยากเก็บความประทับใจนี้ไว้เพียงลำพัง เพราะอยากแบ่งปันให้ผู้ดูแลเด็กทั้งหลาย ได้ยินประโยคสั้นๆหลังครัวที่มีความหมายและทรงพลัง เพื่อยืนยันว่าการทุ่มเททำงานกับเด็กด้วยความรักและเมตตานั้น สามารถฟื้นฟูเยียวยาได้ในทุกมิติ ทุกที่ ทุกเวลา ทุกโอกาส สิ่งที่เราผู้ดูแลทำเพื่อเด็กนั้น ได้ถูกสังเกต เรียนรู้และซับซับความรักความใส่ใจหล่อหลอมสู่ตัวตนของเด็กได้เสมอ

..แม้จะเป็นผ้าขี้ริ้วก็ไม่ได้ขี้เหร่ เสียสละตัวเองเช็ดล้างสิ่งสกปรกเพื่อรักษาความสะอาด..

เล่าโดย : สายใจ ศรีลิ้ม นักศิลปะบำบัด มูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก

ผ้าขี้ริ้วไม่ขี้เหล่
: 285