Infographic เสริมปัจจัยป้องกันความรุนแรงในเด็ก
เพราะความรุนแรงส่งผลกระทบต่อเด็กในระยะยาว ก่อให้เกิดความเครียด สะสมเป็นปัญหาสุขภาพกายและสุขภาพจิต การเสริมปัจจัยป้องกัน เพื่อให้เด็กมีเสมือนภูมิต้านทานความเครียดและความรุนแรง ควรเริ่มตั้งแต่วัยเด็ก
เพราะความรุนแรงส่งผลกระทบต่อเด็กในระยะยาว ก่อให้เกิดความเครียด สะสมเป็นปัญหาสุขภาพกายและสุขภาพจิต การเสริมปัจจัยป้องกัน เพื่อให้เด็กมีเสมือนภูมิต้านทานความเครียดและความรุนแรง ควรเริ่มตั้งแต่วัยเด็ก
เด็กทุกคนจะต้องได้รับการจดทะเบียนการเกิดและได้รับสัญชาติ ซึ่งเป็นสิทธิตามหลักสิทธิมนุษยชน และสิทธิเด็ก ดังนี้ ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน Universal
เด็กทุกคนมีสิทธิได้รับการคุ้มครองจากการกระทำความรุนแรงทุกรูปแบบ ทุกเวลาและทุกสถานที่ พ่อแม่จึงควรจัดการ ควบคุม และแสดงออกอารมณ์ของตนเองอย่างเหมาะสม เพื่อไม่ให้อารมณ์เหล่านั้นกลายเป็นต้นเหตุของการใช้ความรุนแรงต่อเด็กและละเมิดต่อสิทธิเด็ก
“เลี้ยงลูกอย่างไรไม่ใช้ความรุนแรง” ปรับทัศนคติ เปลี่ยนมุมมองทัศนคติใหม่ที่มีต่อเด็ก (จากเดิมที่มองว่าเด็กเป็นสมบัติของพ่อแม่ เป็นที่รองรับอารมณ์ ทำให้เด็กเจ็บ
เด็กทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับการปกป้องคุ้มครองจากผู้ใหญ่ทุกคนในสังคม เพื่อเติบโตขึ้นอย่างอยู่ดี มีสุข และปลอดภัย แต่หากเด็กๆ ถูกกระทำด้วยความรุนแรง
รับฟัง “เสียงของเด็ก” หลักการอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กที่ประเทศไทยร่วมลงนาม ระบุไว้ว่า 'เด็กมีสิทธิในการแสดงออกความคิดเห็น และมีส่วนร่วมในทุกเรื่องที่ส่งผลกระทบถึงชีวิตและอนาคตของพวกเขา' การรับฟัง
“ทอดทิ้งเด็ก” = “ความรุนแรง” การกระทำความรุนแรงต่อเด็ก ไม่ใช่มีเพียงแค่ การทำร้ายร่างกาย
‘เด็ก’ ทุกคนไม่ว่าจะเป็นลูกหลาน หรือเด็กที่ใดๆ ก็ตาม ล้วนเป็น ‘มนุษย์’ เช่นเดียวกัน
นอกเหนือจากสิทธิเด็กพื้นฐาน 4 ด้าน คือ สิทธิที่จะมีชีวิตรอด สิทธิที่จะได้รับการปกป้องคุ้มครอง
หัวใจสำคัญของการดูแลเด็กโดยไม่ใช้ความรุนแรงพ่อแม่หรือผู้ปกครอง จะต้องมี 3 เรื่องหลัก คือ 1.
รู้ไหมว่าเด็กทุกคนมีสิทธิเล่น อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ในข้อที่ 31 ระบุว่า เด็กจะมีการพักและเวลาพักผ่อน
การลงโทษทางร่างกาย ครอบคลุมถึงการลงโทษทางร่างกายทุกประเภท รวมทั้งการตบ ตี หยิก ดึง